รู้ทันรอยร้าว! แยกให้ออกว่าแบบไหนควรซ่อมด่วน ก่อนบ้านจะพังไม่รู้ตัว

รู้ทันรอยร้าว! แยกให้ออกว่าแบบไหนควรซ่อมด่วน ก่อนบ้านจะพังไม่รู้ตัว

รู้ทันรอยร้าว! แยกให้ออกว่าแบบไหนควรซ่อมด่วน ก่อนบ้านจะพังไม่รู้ตัว


ลักษณะรอยร้าวของผนังที่มักพบหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว

         เมื่อเกิดแผ่นดินไหว แม้จะไม่รุนแรงมาก แต่แรงสั่นสะเทือนที่กระทำต่อโครงสร้างอาคารสามารถทำให้เกิด "รอยร้าว" ตามจุดต่าง ๆ ของผนัง พื้น หรือเพดานได้ ซึ่งรอยร้าวแต่ละประเภทล้วนมีสาเหตุ และระดับความอันตรายที่แตกต่างกัน หากไม่รีบตรวจสอบและซ่อมแซม อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคตได้ มาดูประเภทของรอยร้าวที่มักเกิดขึ้นหลังแผ่นดินไหว พร้อมวิธีสังเกต และแนวทางเบื้องต้นในการแก้ไข

1. รอยร้าวแนวเฉียง (Diagonal Cracks)


ลักษณะ: รอยร้าวที่วิ่งเฉียงทำมุม 30–45 องศา มักพบใกล้ประตู หน้าต่าง หรือมุมผนัง

สาเหตุ: แรงเฉือน (Shear Force) จากแรงสั่นไหวที่กระทำต่อโครงสร้าง

ความรุนแรง: ปานกลางถึงรุนแรง หากลากยาวและลึกจนทะลุโครงสร้าง

แนวทางซ่อมแซม:

  • ตรวจสอบว่ารอยร้าวลึกถึงโครงสร้างหรือไม่
  • หากโครงสร้างเสียหาย อาจต้องเสริมโครงเหล็กหรือคานคอนกรีตใหม่
  • หากเป็นแค่ผิวฉาบ สามารถอุดด้วยวัสดุอีพ็อกซี่หรือซีเมนต์พิเศษได้


2. รอยร้าวแนวตั้ง (Vertical Cracks)


ลักษณะ: ร้าวในแนวตรงขึ้นหรือลง โดยเฉพาะตรงกลางผนังหรือแนวเสาคาน

สาเหตุ: การเคลื่อนตัวในแนวดิ่งของโครงสร้าง เช่น การทรุดตัวไม่เท่ากัน

ความรุนแรง: ขึ้นอยู่กับความลึก หากลึกจนถึงโครงสร้างหลัก อาจส่งผลต่อความมั่นคงของอาคาร

แนวทางซ่อมแซม:

  • ตรวจสอบความต่อเนื่องของรอยร้าว
  • อุดรอยร้าวด้วยวัสดุซ่อมรอยร้าวเฉพาะทาง
  • เสริมโครงสร้างหากพบการเคลื่อนตัวซ้ำ ๆ


3. รอยร้าวแนวนอน (Horizontal Cracks)

ลักษณะ: วิ่งเป็นแนวนอนตามแนวผนัง มักพบบริเวณผนังอิฐที่รับแรงกดจากด้านข้าง

สาเหตุ: แรงบิดจากแผ่นดินไหว หรือแรงดันด้านข้างมากเกินไป

ความรุนแรง: รุนแรงหากเกิดที่ระดับต่ำของผนัง หรืออยู่ในผนังรับแรง

แนวทางซ่อมแซม:

  • ตรวจสอบความลึกและตำแหน่งรอยร้าว
  • หากพบรอยร้าวลึก จำเป็นต้องเสริมโครงสร้างผนัง
  • อาจต้องใช้ผ้าตาข่าย (Mesh) ร่วมกับปูนซ่อมพิเศษ


4. รอยร้าวที่มุมประตูและหน้าต่าง (Cracks at Door and Window Corners)

ลักษณะ: ร้าวเป็นแนวเฉียงหรือแนวตั้ง-แนวนอนที่มุมของประตู/หน้าต่าง

สาเหตุ: จุดอ่อนของโครงสร้าง เกิดแรงกระทำไม่เท่ากันจากแผ่นดินไหว

ความรุนแรง: ปานกลาง หากกินลึกถึงโครงสร้างประตูหรือวงกบ

แนวทางซ่อมแซม:

  • อุดด้วยวัสดุยืดหยุ่นสูง
  • เสริมด้วยเหล็กฉากหรือโครงเสริมบริเวณมุมหากจำเป็น


5. รอยร้าวระหว่างผนังกับพื้นหรือเพดาน (Cracks at Wall-Floor/Ceiling Joints)


ลักษณะ: รอยร้าวเกิดตรงรอยต่อของผนังกับพื้นหรือเพดาน

สาเหตุ: การเคลื่อนตัวแยกกันขององค์ประกอบอาคารเมื่อเกิดแรงสั่น

ความรุนแรง: ปานกลางถึงสูง หากรอยร้าวกว้างขึ้นต่อเนื่อง

แนวทางซ่อมแซม:

  • ตรวจสอบว่ามีการทรุดหรือไม่
  • ใช้วัสดุอุดรอยต่อยืดหยุ่นสูง เช่น โพลียูรีเทน หรือซิลิโคน


6. รอยร้าวจากการแยกตัวของโครงสร้าง (Structural Separation Cracks)


ลักษณะ: รอยร้าวขนาดใหญ่ที่แบ่งโครงสร้างเป็นส่วน ๆ เห็นช่องว่างชัดเจน

สาเหตุ: การออกแบบต่อเชื่อมระหว่างอาคารไม่เหมาะสม หรือแรงสั่นสะเทือนรุนแรง

ความรุนแรง: สูงมาก ต้องรีบซ่อมแซมทันที

แนวทางซ่อมแซม:

  • ต้องให้วิศวกรตรวจสอบ
  • อาจต้องใช้แผ่นเชื่อมต่อโครงสร้าง (Expansion Joint System)


7. รอยร้าวบนพื้นผิวปูนฉาบ (Plaster Surface Cracks)


ลักษณะ: รอยร้าวเล็กบนผิวฉาบ ไม่ลึกถึงโครงสร้าง

สาเหตุ: การฉาบปูนที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือการสั่นสะเทือนเบา ๆ

ความรุนแรง: ต่ำ เป็นเรื่องของความสวยงาม

แนวทางซ่อมแซม:

  • ขูดปูนเก่าออกและฉาบใหม่
  • ใช้สีทารอยร้าวสำหรับงานตกแต่ง


8. รอยร้าวจากการทรุดตัวของฐานราก (Foundation Settlement Cracks)


ลักษณะ: รอยร้าวเฉียงหรือแนวตั้งที่ลากยาวจากพื้นขึ้นผนัง

สาเหตุ: พื้นดินทรุดตัวไม่เท่ากัน หรือเกิดแรงดันจากดิน

ความรุนแรง: สูง หากโครงสร้างทรุดตัวต่อเนื่อง

แนวทางซ่อมแซม:

  • ตรวจสอบฐานรากด้วยวิธีทางวิศวกรรม
  • ใช้เทคนิคยกอาคาร (Underpinning) หรือเสริมฐานราก


9. รอยร้าวขนาดใหญ่ที่เกิดจากการเคลื่อนตัวของโครงสร้าง (Major Structural Cracks)


ลักษณะ: รอยร้าวกว้างกว่า 5 มม. หรือเห็นโครงเหล็กด้านใน

สาเหตุ: การเคลื่อนตัวอย่างรุนแรงของอาคารจากแผ่นดินไหวขนาดใหญ่

ความรุนแรง: สูงมาก อาจเสี่ยงต่อการพังถล่ม

แนวทางซ่อมแซม:

  • ห้ามใช้อาคารจนกว่าผู้เชี่ยวชาญจะตรวจสอบ
  • ต้องซ่อมโดยวิศวกรโครงสร้าง
  • อาจต้องทุบและสร้างใหม่บางส่วน

การรู้จักประเภทของรอยร้าวหลังแผ่นดินไหวเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เจ้าของบ้านหรืออาคารสามารถ วินิจฉัยเบื้องต้น ได้ว่าอาคารยังปลอดภัยหรือไม่ และควรรีบดำเนินการซ่อมแซมระดับใด โดยแนะนำให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบทุกครั้งเมื่อพบรอยร้าวที่ผิดปกติ เพื่อความปลอดภัยในระยะยาว


หากตรวจพบรอยร้าวแต่ไม่ทำการแก้ไข จะเกิดอะไรขึ้น?

แม้ว่ารอยร้าวบางประเภทจะดูเหมือน "เล็กน้อย" หรือเป็นแค่เรื่องความสวยงาม แต่หากละเลย ไม่รีบซ่อมแซมให้ถูกต้องตั้งแต่ต้น อาจนำไปสู่ปัญหาร้ายแรงที่คาดไม่ถึง และอาจเป็นภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินได้อย่างมหาศาล

1. รอยร้าวลุกลาม กลายเป็นปัญหาโครงสร้าง

รอยร้าวเล็ก ๆ ที่ไม่ได้รับการซ่อมแซมอย่างถูกวิธี มีแนวโน้มขยายกว้างขึ้นตามเวลา โดยเฉพาะหากอาคารยังต้องเผชิญกับแรงสั่นสะเทือนซ้ำ หรือเกิดการทรุดตัวเพิ่มเติม รอยร้าวจากผิวผนังจึงอาจลุกลามลงสู่โครงสร้างภายใน เช่น เสา คาน หรือฐานราก ซึ่งเมื่อถึงจุดนั้น การซ่อมแซมจะยากขึ้น และมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าหลายเท่า

2. เสี่ยงต่อการพังถล่มของอาคาร

หากรอยร้าวเกิดขึ้นบริเวณโครงสร้างหลัก เช่น รอยร้าวขนาดใหญ่แนวเฉียง หรือแนวนอนที่ทะลุผ่านเสาหรือคาน การละเลยรอยร้าวประเภทนี้ อาจทำให้อาคารเสียสมดุลของโครงสร้าง เมื่อเกิดแผ่นดินไหวซ้ำ หรือแม้กระทั่งแรงลมแรง ฝนตกหนัก ก็มีโอกาสที่อาคารจะพังถล่มลงมาอย่างไม่คาดคิด

3. ก่อให้เกิดความเสียหายจากน้ำรั่วซึม

รอยร้าวตามผนังหรือรอยต่อมักเป็นจุดอ่อนให้ความชื้นหรือน้ำฝนแทรกซึมเข้าไปได้ หากปล่อยไว้เป็นเวลานาน น้ำจะซึมเข้าสู่ผนังด้านใน ส่งผลให้เกิด เชื้อรา กลิ่นอับ ปลวก หรือสนิม ซึ่งบั่นทอนอายุการใช้งานของวัสดุ และอาจต้องรื้อผนังออกเพื่อซ่อมแซมในอนาคต

4. เพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพ

น้ำที่รั่วซึมและสะสมในโครงสร้างบ้านจากรอยร้าวจะส่งผลให้เกิดเชื้อรา ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของโรคภูมิแพ้ โรคทางเดินหายใจ หรือแม้แต่โรคผิวหนัง โดยเฉพาะในบ้านที่มีผู้สูงอายุ เด็ก หรือผู้ป่วยโรคเรื้อรัง

5. ลดมูลค่าทรัพย์สิน

หากคุณวางแผนจะขายบ้านหรือปล่อยเช่าในอนาคต รอยร้าวที่เห็นได้ชัดเจนตามผนังหรือเพดานจะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ของตัวบ้าน ทำให้ผู้ซื้อมองว่าอาคารมีปัญหา จึงเสนอราคาต่ำกว่ามูลค่าจริง หรืออาจไม่ตัดสินใจซื้อเลย

6. ค่าซ่อมแซมในอนาคตจะสูงขึ้น

รอยร้าวเล็กน้อยที่สามารถแก้ไขได้ภายในงบไม่กี่พันบาท หากปล่อยให้ลุกลามอาจต้องซ่อมแซมโครงสร้างหลักในภายหลัง ซึ่งอาจใช้งบหลักแสน หรือถึงขั้นต้องรื้ออาคารบางส่วนเพื่อทำใหม่ ทำให้คุณเสียทั้งเวลา และค่าใช้จ่ายที่สูงเกินจำเป็น

อย่ารอให้รอยร้าวกลายเป็นหายนะ!

รอยร้าวเล็ก ๆ อาจดูเหมือนไม่มีอะไร แต่สำหรับวิศวกรแล้ว นั่นคือสัญญาณเตือนภัยของอาคารที่คุณไม่ควรมองข้าม”

การซ่อมแซมรอยร้าวไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงาม แต่คือการป้องกันภัยล่วงหน้าอย่างชาญฉลาด เพื่อรักษาความปลอดภัยของครอบครัวและความมั่นคงของทรัพย์สินในระยะยาว


วิธีเลือกบริษัทเพื่อตรวจสอบและซ่อมแซมรอยร้าวในอาคารเลือกให้ถูกตั้งแต่ต้น ปลอดภัยมั่นใจในระยะยาว

รอยร้าวบนผนังอาคารหลังแผ่นดินไหวหรือจากการทรุดตัว ไม่ใช่เรื่องเล็กที่ควรมองข้าม และการเลือก บริษัทหรือทีมช่างที่มีความชำนาญ เข้ามาตรวจสอบและซ่อมแซมอย่างถูกต้อง ถือเป็น “ด่านแรก” ที่จะช่วยป้องกันความเสียหายใหญ่หลวงในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เพื่อความปลอดภัยและคุ้มค่า เราขอแนะนำ หลักเกณฑ์ 7 ข้อ สำหรับการตัดสินใจเลือกบริษัทให้บริการตรวจสอบและแก้ไขรอยร้าวอย่างมืออาชีพ:

1. มีวิศวกรโยธาหรือวิศวกรโครงสร้างเป็นผู้ตรวจสอบ

รอยร้าวบางประเภท โดยเฉพาะรอยร้าวแนวเฉียงขนาดใหญ่ หรือรอยร้าวที่อยู่ใกล้จุดรับน้ำหนัก อาจเกี่ยวข้องกับโครงสร้างอาคารโดยตรง ซึ่งต้องใช้วิศวกรที่มีใบอนุญาตวิชาชีพในการวิเคราะห์สาเหตุ ความรุนแรง และแนวทางซ่อมแซมที่เหมาะสม
✅ เลือกบริษัทที่มีวิศวกรตัวจริงเป็นผู้ลงพื้นที่ ไม่ใช่แค่ช่างทั่วไป

2. มีผลงานอ้างอิง และรีวิวจากลูกค้าจริง

ก่อนตัดสินใจเลือกบริษัทใด ควรตรวจสอบผลงานที่ผ่านมา เช่น

  • ภาพก่อน–หลังการซ่อมแซม
  • รีวิวจากลูกค้าบนเว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดีย
  • โครงการที่บริษัทเคยเข้าไปให้บริการ

✅ บริษัทที่มีผลงานโปร่งใส มักมั่นใจในคุณภาพงาน และกล้าแสดงรีวิวจากลูกค้า

3. มีขั้นตอนการตรวจสอบที่ชัดเจน และรายงานผลเป็นลายลักษณ์อักษร

บริษัทมืออาชีพจะมีขั้นตอนการตรวจรอยร้าวอย่างเป็นระบบ เช่น

  • การวัดขนาดความกว้างของรอยร้าว
  • การถ่ายภาพเก็บข้อมูล
  • การตรวจสอบการทรุดตัว ฯลฯ
    และควรจัดทำ รายงานสรุปผลการตรวจสอบ ที่สามารถใช้เป็นเอกสารอ้างอิงในการซ่อมแซมหรือประเมินมูลค่าในอนาคตได้

✅ ขอเอกสารรายงานและแบบประเมินทุกครั้ง

4. วัสดุและเทคนิคการซ่อมต้องได้มาตรฐาน

การซ่อมรอยร้าวไม่ใช่แค่การโป๊วทับให้ดูดี แต่ควรใช้วัสดุเฉพาะทาง เช่น

  • อีพ็อกซี่ (Epoxy Injection) สำหรับรอยร้าวลึก
  • โพลียูรีเทน (Polyurethane) สำหรับรอยต่อที่ต้องการความยืดหยุ่น
  • Mesh หรือวัสดุเสริมแรง สำหรับผนังอิฐ

✅ สอบถามวัสดุและขั้นตอนล่วงหน้า และควรมีการรับประกันงาน

5. มีใบอนุญาต และจดทะเบียนถูกต้อง

บริษัทที่มีการจดทะเบียนธุรกิจอย่างถูกต้อง และมีใบอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะเพิ่มความมั่นใจได้ว่าคุณกำลังทำงานกับผู้ให้บริการที่มีมาตรฐานและสามารถรับผิดชอบผลงานได้ในระยะยาว

✅ ตรวจสอบชื่อบริษัท เลขทะเบียนนิติบุคคล และความถูกต้องตามกฎหมาย

6. มีบริการหลังการซ่อม และการรับประกัน

รอยร้าวบางจุดอาจกลับมาเกิดซ้ำได้ หากไม่ได้ซ่อมที่ต้นตอของปัญหา บริษัทที่ดีควรมี

  • การติดตามผลหลังงานซ่อม
  • การรับประกันผลงานเป็นลายลักษณ์อักษร เช่น 6 เดือน, 1 ปี
  • พร้อมให้บริการซ่อมซ้ำหากมีปัญหาเดิมกลับมาอีก

✅ อ่านเงื่อนไขการรับประกันก่อนตัดสินใจใช้บริการ

7. สามารถอธิบายและให้คำปรึกษาอย่างมืออาชีพ

บริษัทที่คุณควรเลือก ควรสามารถอธิบาย

  • ความแตกต่างของรอยร้าวแต่ละแบบ
  • ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
  • วิธีซ่อมที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับงบประมาณ

✅ เลือกทีมที่ไม่แนะนำแค่ "ซ่อมแบบลวก ๆ" แต่ใส่ใจให้คุณเข้าใจและตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง

สรุป: เลือกดี มีชัยไปกว่าครึ่ง

การเลือกบริษัทเข้ามาซ่อมแซมรอยร้าวไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะหากเลือกผิด อาจทำให้รอยร้าวเดิมกลับมาอีก หรือร้ายแรงถึงขั้นอาคารพังเสียหายเพิ่มเติม เพราะฉะนั้นควรเลือกอย่างรอบคอบ และเน้นบริษัทที่ให้ความสำคัญกับ ความปลอดภัย คุณภาพ และความโปร่งใส

บริการตรวจสอบและซ่อมรอยร้าวครบวงจร โดยทีมวิศวกรตัวจริง

เราให้บริการตั้งแต่
✅ ตรวจสอบรอยร้าวโดยวิศวกรโครงสร้าง
✅ วิเคราะห์สาเหตุอย่างละเอียด
✅ ซ่อมแซมด้วยวัสดุคุณภาพสูง และเทคนิคเฉพาะทาง
✅ พร้อมรับประกันงาน และติดตามผลหลังซ่อมเสร็จ

📞 ติดต่อทีมงานมืออาชีพ Bของเราได้ทันที ปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายเบื้องต้น ตัวอย่างผลงานของทีมเรา







Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

แท็ก:
  • ก่อนหน้า

  • ถัดไป

ยินดีให้คำปรึกษา

ยินดีให้คำปรึกษา

โดยวิศวกร ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย

Go Back Top